วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2556



กระทรวงวัฒนธรรมประกาศผล 9 ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2556 

วันที่ 16 ม.ค. ที่หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นายสนธยา คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) ครั้งที่ 1/2557 ว่า กวช.พิจารณารายชื่อผู้สมควรได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติประจำปี 2556 ผลปรากฏว่า มีผู้สมควรที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ จำนวน 9 คน ดังนี้ 1.สาขาทัศนศิลป์ ได้แก่ นายช่วง มูลพินิจ (จิตรกรรม) นายธีรพล นิยม (สถาปัตยกรรม) 2.สาขาวรรณศิลป์ ได้แก่ นางรำไพพรรณ สุวรรณสาร ศรีโสภา หรือโสภาค สุวรรณ นายวินทร์ เลี้ยววาริณ หรือวินทร์ เลียววาริณ และนายเจริญ มาลาโรจน์ หรือมาลา คำจันทร์ 3. สาขาศิลปะการแสดง ได้แก่ นางนิตยา รากแก่น หรือบานเย็น รากแก่น (การแสดงดนตรีพื้นบ้าน-หมอลำ) นายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว (ดนตรีไทยสากล) นายบุญฉลองภักดี วิจิตร (ผู้กำกับ-ผู้สร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) และนายเฉลิม ม่วงแพรศรี (ดนตรีไทย)

“นับตั้งแต่เริ่มโครงการศิลปินแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 2528 จนถึงปี 2556 ได้มีการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติแล้วรวม 246 คน เสียชีวิตไปแล้ว 101 คน มีชีวิตอยู่ 145 คน โดยศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2556  จะเข้ารับพระราชทานโล่และเข็มเชิดชูเกียรติจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 24 ก.พ.นี้ ซึ่งตรงกับวันศิลปินแห่งชาติ และในวันดังกล่าวจะมีงานเลี้ยงแสดงความยินดีแก่ศิลปินแห่งชาติ พร้อมกิจกรรมการแสดงและนิทรรศการศิลปินแห่งชาติ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยด้วย” นายสนธยา กล่าว

นายช่วง มูลพินิจ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้รับเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ได้ทำงานด้านจิตรกรรมมากว่า 50 ปี งานทุกอย่างที่ทำทำด้วยความตั้งใจ รักงานที่ทำ มีวินัยต่อการทำงาน ทุกครั้งที่ได้ถ่ายทอดผลงานแก่ลูกศิษย์หรือบุคคลทั่วไป ก็จะรู้สึกมีความสุข จากนี้ตั้งใจจะสร้างผลงานศิลปะ และเผยแพร่ผลงานสู่คนรุ่นใหม่ต่อไป

นางบานเย็น กล่าวว่า ดีใจมากไม่คิดว่า จะได้รับเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติ ที่ผ่านมาตลอด 47 ปีตั้งใจเผยแพร่ผลงานหมอลำทั้งในและต่างประเทศ หลังจากนี้ ตนตั้งใจว่า จะเปิดโรงเรียนสอนหมอลำ และจะถ่ายความรู้ที่มีทั้งหมดให้แก่ คนใหม่ได้ศึกษาและช่วยสืบทอด

นายฉลอง กล่าวว่า ตลอดเวลาที่สร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ สิ่งที่ยึดเหนี่ยวในใจ คือการให้ความบันเทิง และให้ความรู้สอดแทรกสติเพื่อให้ผู้ชมได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้นภาพยนตร์แต่ละเรื่องจะทอดแทรกศิลปวัฒนธรรมไทย รวมถึงมวยไทย มรดกภูมิปัญญา เพื่อเผยแพร่ให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้รับรู้ การได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ ถือเป็นเกียรติสูงสุด จากนี้แม้จะอายุ 86 ปี ก็จะสร้างผลงานต่อไปทำทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
ขณะที่ นายเฉลิม กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ ตนทำงานปิดทองหลังพระก็ยังมีคนเห็น และได้สอนหนังสือถ่ายทอดความรู้ดนตรีไทย วัฒนธรรมไทยมานาน ถึงแม้ว่าจะได้รับการยกย่องตอนอายุมากแล้วถึง 75 ปี แล้วก็ตามก็จะยังคงทำงานต่อไป โดยปกติจะสอนดนตรีไทยตามมหาวิทยาลัยต่างๆ อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

“สถานการณ์เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนกับดนตรีไทย พบว่า พ่อแม่ไม่สนใจ ทำให้เด็กไม่สนใจตามไปด้วย วัฒนธรรมต่างชาติก็มาแรง ทำให้ดนตรีไทยถูกลืมเลือน ไม่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาครัฐ ไม่มีการเผยแพร่ทางสื่อมวลชนด้วย ทำให้ครูดนตรีไทย ใจหดหู่ สิ่งเดียวที่ทำให้ครูดนตรีไทยอยู่ได้คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงอนุรักษ์และทรงสนับสนุนไม่ให้ดนตรีไทยซบเซามากกว่านี้” นายเฉลิม กล่าว
 
ด้าน นายวินทร์ กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจมากที่ได้รับการคัดเลือก ถือเป็นกำลังใจในการทำงานอย่างมาก เพราะตลอดเวลาที่ทำงานเขียนหนังสือมานั้นก็กว่า 30 ปี เป็นนักเขียนอาชีพมีผลงานตีพิมพ์ครั้งแรกรวมแล้วก็กว่า 25 ปี การทำงานที่ผ่านมา จึงถือว่าไม่สูญเปล่า ตนคิดว่าการทำงานใดๆ ก็ตามถ้าเราตั้งใจทำอย่างจริงจัง ผลงานนั้นก็จะออกดอกออกผลให้เราเห็นเองและจะตอบสนองงานที่ทำได้เป็นอย่างดี
 
ประวัติ นายช่วง มูลพินิจ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปัจจุบันอายุ 74 ปี เกิดวันที่ 7 ธ.ค. 2483  ที่จ.สมุทรสงคราม ผลงานศิลปะได้รับแรงบันดาลใจ ความศรัทธาแนวความคิดมาจากวิถีชีวิต และธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่ผสมกลมกลืนกับคติความเชื่อความศรัทธาและปรัชญาในพระพุทธศาสนาเป็นหลัก สื่อแสดงผ่านรูปแบบในเชิงสัญลักษณ์ของเรื่องราวดอกไม้ ธรรมชาติ แมลง สัตว์ มนุษย์ เป็นศิลปินไทยร่วมสมัยที่สร้างสรรค์ผลงานหลากหลายรูปแบบเทคนิควิธีการ ไม่ว่าจะเป็นผลงานวาดเส้นงานจิตรกรรม ประติมากรรม พุทธปฏิมา วรรณกรรม มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 2505 - ปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 50  ปี ตลอดมารวมทั้งยังได้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์ศิลปะส่วนตัว และ“จิตรกรผู้มองเห็นมดยิ้มสวย” คือฉายาที่ได้รับจากรงค์ วงษ์สวรรค์ ศิลปินแห่งชาติ 

ประวัติ นายธีรพล  นิยม ศิลปินแห่งชาติ  สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม)  ปัจจุบันอายุ 63 ปี เกิดวันที่  17 พ.ค. 2494  ที่ จ.พังงา สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และปริญญาโท การพัฒนาชุมชนและชนบท จากสถาบันเทคโนโลยีเอเชีย กรุงเทพฯ หลังจากสำเร็จการศึกษา ได้เป็นผู้นำในการก่อตั้งบริษัทแปลน  สร้างงานสถาปัตยกรรมของตนเองอย่างต่อเนื่อง ผลงานได้รับเหรียญทองสถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์รางวัลออกแบบชุมชนเมืองดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกชุมชนเมืองไทยรางวัลชนะเลิศ จากการประกวดแบบรัฐสภาแห่งใหม่กรุงเทพมหานคร ทั้งได้ก่อตั้งสถาบันอาศรมศิลป์ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน โดยไม่แสวงหาผลกำไรภายใต้มูลนิธิโรงเรียนรุ่งอรุณ เป็นการต่อยอดการจัดการศึกษาแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ และการเรียนรู้จากการลงมือทำ 

นายเจริญ มาลาโรจน์ นามปากกา มาลา คำจันทร์ ปัจจุบันอายุ 62 ปี เกิดวันที่ 12 ก.พ. 2495 ที่ ต.เมืองพาน  อ.พาน จ.เชียงราย สนใจด้านการเขียนมาตั้งแต่เป็นนักเรียนชั้นมัธยม งานเขียนในยุคแรกเป็น  กลอนแปด ได้แก่ “นิราศผาโขง” “นิราศลานนา” และ “นิราศธุลี” หลังจากนั้นได้เขียน “นิราศพระลอ” ซึ่งพัฒนาการเชิงฉันทลักษณ์จากกลอนแปดมาเป็นโคลง  ซึ่งผลงานจากนิราศเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่ผลงานชิ้นสำคัญ คือ “เจ้าจันท์ผมหอม” “นิราศพระธาตุอินทร์แขวน”  ในเวลาต่อมา ปัจจุบันผลงานนามปากกา “ “มาลา คำจันทร์” ได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์จำนวน 3เรื่อง ได้แก่ นวนิยายเรื่อง “วิถีคนกล้า” ได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ ออกฉายปี2535 ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ครั้งที่ 15 รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 2 และรางวัลสหพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1เรื่องสั้น “ตุ๊ปู่” ได้รับการดัดแปลงเป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์ “สถานี 4 ภาค” ออกฉายในปี2555   นอกจากนี้ ผลงานนวนิยาย เจ้าจันท์ผมหอม  นิราศพระธาตุอินทร์แขวน ยัง ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์)ด้วย

นางรำไพพรรณ  สุวรรณสาร ศรีโสภาค  เกิดวันที่ 18  ส.ค. 2487 ที่กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันอายุ  70 ปี เขียนนวนิยายได้หลายแนว  ที่เด่นที่สุดคือไพรัชนิยาย  ซึ่งสร้างกระแสนิยมการเขียนนวนิยายแนวนี้ต่อเนื่องมายังนักเขียนรุ่นใหม่  นอกจากนี้ยังมีนวนิยายอิงประวัติศาสตร์  นวนิยายรัก  นวนิยายจิตวิทยา  นวนิยายแนวชีวิตครอบครัวและสะท้อนสังคม นวนิยายเรื่องเด่น ๆ ที่ได้รับความนิยม  เช่น ฟ้าจรดทราย สายโลหิต  ญาติกา รักในสายหมอก  ปุลากง  เงาราหู  จินตปาตี  เป็นต้น นวนิยายของโสภาค  สุวรรณให้ความบันเทิงและเปี่ยมไปด้วยสาระ  ทำให้เป็นนักเขียนยอดนิยมที่ครองใจผู้อ่านมายาวนาน 

นายวินทร์ เลี้ยววาริณ  นามปากกา วินทร์ เลียววาริณ เกิดวันที่ 3 เม.ย. 2499 ที่จ.สงขลา ปัจจุบันอายุ 58 ปี เป็นนักเขียนอาชีพ สร้างสรรค์ผลงานมายาวนานกว่า 20 ปี เขียนวรรณกรรมได้หลายรูปแบบทั้งนวนิยาย  เรื่องสั้น สารคดี และความเรียง มีชื่อเสียงจากการเป็นนักเขียนวรรณกรรม แนวทดลอง คือไม่ติดยึดกับรูปแบบวรรณกรรมตามจารีต แต่พัฒนาโดยใช้ศิลปะการนำเสนออย่างสร้างสรรค์และแปลกใหม่ ทำให้ได้รับรางวัลซีไรต์ 2 ครั้ง รางวัลศิลปาธร รางวัลช่อการะเกด เป็นต้น งานเขียนมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองและนักการเมือง ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์และสื่อมวลชน เพื่อนำเสนอปัญหาสังคมในด้านต่างๆ รวมทั้งอารมณ์ความคิดที่ซับซ้อนในตัวมนุษย์  

นางนิตยา รากแก่น ปัจจุบันอายุ 62 ปี เกิดวันที่ 14 ต.ค. 2495 ที่จ.อุบลราชธานี จบการศึกษาชั้นป.4  โรงเรียนสามัคคีวิทยาคาร จ.อุบลราชธานี ภายหลัง ในปี 2544 ได้รับปริญญาศิลปะศาสตร์ มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขานาฏศิลป์และการละคร จากมหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เริ่มต้นชีวิตหมอลำหลังจากจบป.4 โดยเป็นศิษย์ครูหนูเวียง แก้วประเสริฐ ซึ่งเป็นหมอลำกลอนที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอุบลราชธานี ทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักทั้งกลอนลำ ท่าฟ้อนรำ จนสามารถขึ้นเวทีแสดงหมอลำกลอนได้ในขณะที่มีอายุเพียง 14 ปี รับงานแสดงหมอลำเป็นอาชีพมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ด้วยความเฉลียวฉลาดในการด้นกลอน มีปฏิภาณไหวพริบ น้ำเสียงไพเราะ รูปร่างหน้าตาดี จึงทำให้เป็นที่นิยมชมชอบของผู้ชม ในปี 2516 ตั้งวงดนตรีลูกทุ่งหมอลำ บานเย็น  รากแก่น รับงานแสดง จนได้รับการขนานนามว่า ราชินีหมอลำ ทำงานอุทิศตนให้กับการยกระดับมาตรฐานหมอลำอย่างจริงจังมายาวนานถึง 4 ทศวรรษ ในฐานะที่เป็นผู้อนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะศิลปะเพลงพื้นบ้านอีสานให้เป็นที่รู้จักและเผยแพร่ไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังได้อุทิศตนเป็นครูผู้ถ่ายทอดภูมิปัญญาการขับร้อง กลอนลำ และแบบแผนลีลาฟ้อนรำให้แก่ลูกศิษย์ทั้งในสถาบันการศึกษาและผู้สนใจทั่วไป จนเกิดหมอลำรุ่นใหม่และศิลปินนักร้องนักเต้นอีสานออกมารับใช้สังคมเป็นจำนวนมาก  ได้รับรางวัลยกย่องเกียรติคุณสำคัญ อาทิ พระพิฆเนศทองพระราชทาน ศิลปินดีเด่นจังหวัดอุบลราชธานี รางวัลเชิดชูเกียรติศิลปินมรดกอีสาน

นายเฉลิม ม่วงแพรศรี ปัจจุบันอายุ 76 ปี เกิดวันที่ 2 ส.ค. 2481ที่กรุงเทพมหานคร สำเร็จการศึกษาอักษรศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาฯ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการบรรเลงซอชนิดต่าง ๆ ทั้งซอด้วง ซออู้ และซอสามสายเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะซอสามสายถือได้ว่าเป็นเอตทัคคะคนหนึ่งของประเทศ อีกทั้งเป็นผู้เข้าใจแบบแผนการบรรเลงวงเครื่องสายและวงมโหรีตามขนบนิยมเป็นอย่างดี จึงได้รับเกียรติจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เชิญไปถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษามาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 50 ปี ผลิตนักดนตรีไทยทั้งนักดนตรีอาชีพและนักดนตรีสมัครเล่นไว้จำนวนมาก   นอกจากนี้  นายเฉลิม ม่วงแพรศรี ยังมีความสามารถในการประพันธ์เพลงเป็นอย่างยิ่ง  ผลงานเพลงที่ประพันธ์ไว้ได้แก่  เพลงเฉลิมศิลป์  เพลงบัวกลางบึง เถา เพลงนพรัตน์ และทางเดี่ยวซอชนิดต่าง ๆ รวมกันกว่า 40 เพลง

นายบุญฉลอง  ภักดีวิจิตร หรือฉลอง  ภักดีวิจิตร ปัจจุบันอายุ 83 ปี เกิดเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2474 ที่กรุงเทพมหานคร สำเร็จการศึกษาระดับเตรียมอุดมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนอำนวยศิลป์ เข้าสู่วงการภาพยนตร์โดยได้แรงบันดาลใจจากบิดาเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ และคุณอาเป็นผู้ถ่ายภาพและกำกับการแสดง ด้วยวัยเพียง 19  ปี ได้ก้าวเข้ามาเป็นช่างถ่ายภาพยนตร์ ถ่ายภาพยนตร์เรื่องแรก เรื่องแสนแสบ จากนั้นศึกษาขบวนการทำภาพยนตร์และเทคนิคด้วยตนเองจากหนังสือคู่มือรวบรวมขบวนการถ่ายทำของประเทศสหรัฐอเมริกา พัฒนาการถ่ายทำภาพยนตร์มาเป็นลำดับ จนประสบความสำเร็จได้รับรางวัลตุ๊กตาทองพระราชทาน พระสุรัสวดี ถึง 2 ปีซ้อนในฐานะช่างถ่ายภาพยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่องผู้พิชิตมัจจุราชและละอองดาว จากประสบการณ์ที่ถ่ายทำภาพยนตร์จึงเปลี่ยนมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้อำนวยการสร้าง โดยกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก คือ เรื่องจ้าวอินทรีย์ ต่อมาสร้างผลงานมากมาย  มุ่งมั่นที่จะนำภาพยนตร์ไทยเข้าสู่ตลาดภาพยนตร์นานาชาติ นำดาราต่างประเทศมาร่วมนำแสดงจนประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับทั่วโลก  และกล้าที่จะลงทุนทำให้ภาพยนตร์ เรื่อง ทอง คือ ตำนานของผู้กำกับอย่างฉลอง ภักดีวิจิตร ต่อมาได้ผันตัวเองมาทำงานบุกเบิกละครแนวบู๊ทางโทรทัศน์ มีผลงานโด่งดังมาจนปัจจุบัน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น